เผย “เจ้าอาวาสใหม่” วัดบ้านไร่เจ้าของ “โถส้วมทองคำ” ระบุถูกไล่ออกวัดเหตุด่า “หลวงพ่อคูณ” ~ ข่าวด่วนทันเหตุการณ์

Trending: Bloggermint Blogger Template

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เผย “เจ้าอาวาสใหม่” วัดบ้านไร่เจ้าของ “โถส้วมทองคำ” ระบุถูกไล่ออกวัดเหตุด่า “หลวงพ่อคูณ”

Do you like this story?

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ศูนย์ขาวนครราชสีมา - ลูกศิษย์ยันแต่งตั้ง “หลวงนุช” รักษาการเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ไม่ชอบมาพากลรีบแต่งตั้งทันทีในวันมรณภาพ ระบุถูกไล่ออกจากวัดเหตุด่า “หลวงพ่อคูณ” กรณีรับเงินถวายจากญาติโยมเพียงครึ่งเดียวและมีปัญหาหลายเรื่อง เผยเป็นพระเจ้าของ “โถส้วมทองคำ” อันเลื่องลือเมื่อหลายปีก่อน ระบุ “พ่อคูณ” เคยทาบทามเจ้าคณะอำเภอด่านขุนทดมาเป็นเจ้าอาวาส สืบสานต่อเจตนารมณ์วัดบ้านไร่

       วันนี้ (18 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่วัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา หลังจากที่พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ) มรณภาพ และส่งมอบสรีรสังขารให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น (มข.) จ.ขอนแก่น เพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษาวิจัยตามพินัยกรรมนั้น ยังเป็นไปด้วยความเงียบเหงา มีเพียงลูกศิษย์คอยดูแลความเรียบร้อยภายในวัดเท่านั้น และมีประชาชนบางส่วนที่ตั้งใจเดินทางมาเยี่ยมชมวัดบ้านไร่ และเข้ากราบหุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อคูณ พร้อมเครื่องอัฐบริขารที่หลวงพ่อคูณใช้ในวาระสุดท้ายก่อนละสังขารที่จัดแสดงไว้ในกุฏิ ใต้พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ วัดบ้านไร่

       ส่วนพระภาวนาประชานาถ (นุช รตนวิชโย) หรือหลวงพ่อนุช รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่รูปใหม่ ซึ่งมีคำสั่งแต่งตั้งทันทีในวันที่หลวงพ่อคูณมรณภาพในวันที่ 16 พ.ค. และเดินทางมาทำพิธีรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการไปเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) นั้น วันนี้ไม่อยู่ที่วัดบ้านไร่ ได้รับแจ้งว่ามีกิจนิมนต์เดินทางไปต่างอำเภอ

       ขณะที่ลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อคูณรายหนึ่งกล่าวว่า การแต่งตั้งรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่รูปใหม่เข้ามารับตำแหน่งในครั้งนี้เชื่อว่ามีการวางแผนกันมาอย่างดีและรีบเร่งดำเนินการอย่างไม่ชอบมาพากล โดยได้มีคำสั่งแต่งตั้งทันทีในวันที่หลวงพ่อคูณมรณภาพ คือวันที่ 16 พ.ค. และทราบว่าก่อนหน้านั้นพระรูปดังกล่าวพยายามวิ่งเต้นเข้าพบพระผู้ใหญ่หลายรูปเพื่อให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ในครั้งนี้

       ทั้งนี้ การที่ลูกศิษย์ออกมาบอกแก่สาธารณะเช่นนี้เพื่อให้สังคมได้รับรู้ว่าหลวงพ่อคูณ เคยสั่งไว้ถึงแม้ไม่ได้เขียนลงในพินัยกรรมก็ตาม โดยหลังจากหลวงพ่อได้ไล่ออกจากวัดไปแล้ว ท่านบอกเอาไว้ว่าอย่าให้คนนี้ ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้บวชเป็นพระ เข้ามาในวัดบ้านไร่เด็ดขาด และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ในช่วงเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา แม้จะพยายามขอเข้ามาอยู่วัดบ้านไร่โดยตลอด แต่หลวงพ่อคูณปฏิเสธและไล่กลับไปทุกครั้ง

       ส่วนสาเหตุที่ทำให้หลวงพ่อคูณไล่ออกจากวัดไปนั้น ลูกศิษย์คนเดิมกล่าวว่า เมื่อครั้งยังไม่บวชเป็นพระเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว พระรูปดังกล่าวเคยมาช่วยงานหลวงพ่อคูณที่วัดบ้านไร่ และได้ต่อว่าหลวงพ่อคูณอย่างรุนแรง กรณีการรับบริจาคเงินจากประชาชนญาติโยมที่ถวายเงินทำบุญให้เพียงครึ่งเดียว เช่น หากถวายเงินด้วยธนบัตร 2 ใบ หลวงพ่อจะรับแค่ 1 ใบ หากถวายใบเดียวจะไม่รับแค่แตะเท่านั้น โดยได้ต่อว่าหลวงพ่อคูณว่า ทำไมโง่ ไม่ยอมรับเงินบริจาคทั้งหมดจากประชาชน ทั้งที่ญาติโยมเอาเงินมาให้แล้ว และนอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องอื่นๆ อีกมาก

       สำหรับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่นั้น ที่ผ่านมาเมื่อครั้งยังไม่ละสังขาร หลวงพ่อคูณ เคยทาบทามเจ้าคณะอำเภอด่านขุนทดรูปปัจจุบันมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ แต่เนื่องจากเจ้าคณะอำเภอท่านเห็นว่าหลวงพ่อคูณยังดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสอยู่จึงไม่กล้ารับตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ได้ทำให้ทุกคนต่างรู้ดีว่าหลวงพ่อคูณต้องการให้ใครมาสานต่อเจตนารมณ์วัดบ้านไร่ และนอกจากเจ้าคณะอำเภอด่านขุนทดแล้วยังมี พระมหาสุริยา อภิวฑฺฒโน หรือพระมหาโอเล่ ที่หลวงพ่อคูณส่งเสียเล่าเรียนทั้งทางธรรมและทางโลก จนจบการศึกษาระดับปริญญาเอกหรือด็อกเตอร์ ก็เป็นที่ยอมรับและมีความเหมาะสมที่จะมาดำรงตำแหน่ง แต่พระสงฆ์เหล่านี้กลับไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่

       “กลับไปเอาพระที่หลวงพ่อเคยไล่ออกจากวัดและไม่ยอมให้เข้าวัดอีกเลยไม่ว่าทางวัดจะมีงานใหญ่สำคัญขนาดไหนหรือเป็นงานครบรอบวันเกิดหลวงพ่อก็ตาม มาเป็นรักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่แทน จึงไม่ทราบว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับวัดบ้านไร่” ลูกศิษย์หลวงพ่อคูณกล่าว

       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับพระภาวนาประชานาถ (นุช รตนวิชโย) นั้น ในปี 2549 เคยสร้างความฮือฮาเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย เมื่อครั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหนองบัวทุ่ง ต.ตาจั่น อ.คง จ.นครราชสีมา ในการสร้าง “โถส้วมทองคำ” ขึ้นจำนวน 6 ห้องน้ำ อยู่ในกุฏิรับรองพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ และบุคคลสำคัญ รวมถึงประชาชนทั่วไป โดยเป็นโถส้วมแบบนั่งยองๆ ราดน้ำด้วยมือ เคลือบด้วยทองคำ 18 เค ราคาก่อสร้างห้องละประมาณ 5 หมื่นบาท ซึ่งได้ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชนดังกระฉ่อนไปทั่วประเทศ และในครั้งนั้นทางวัดยังได้ทุ่มงบประมาณซื้อพื้นที่โฆษณาการจัดงานของวัดในสื่อทั้งส่วนกลาง และท้องถิ่นด้วย